ท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลฯ) รับโองการแรกให้เผยแผ่อิสลามใน ค.ศ.610 เมื่อครั้งท่านบำเพ็ญศีลตะฮันนุชอยู่ที่ถ้ำหิรออฺ ไม่ไกลเมืองมักกะฮฺ จากนั้นท่านเผยแผ่อิสลามอยู่ในเมืองมักกะฮฺนาน 13 ปี ช่วงเวลานั้นนครเยรูซาเล็มทางเหนือของมักกะฮฺหรือไบตุลมัฆดิสถูกกำหนดให้เป็นทิศกิบลัตของมุสลิม มีอยู่บ่อยครั้งในเมืองมักกะฮฺท่านทำละหมาดในบริเวณลานกะอฺบะฮฺ ทว่ารอบกะอฺบะฮฺเวลานั้นเต็มไปด้วยเทวรูปของชาวเมือง จึงไม่สะดวกนักหากละหมาดโดยผินหน้าเข้าหาอาคารกะอฺบะฮฺ ทว่าหากหันไปทางทิศอื่นก็อาจก่อปัญหาขัดแย้งกับชาวมักกะฮฺได้ ในสถานการณ์เช่นนี้ ท่านนบีจำเป็นต้องละหมาดในลานโดยให้ชาวเมืองเห็นว่าท่านสุญูดไปทางอาคารกะอฺบะฮฺ ทั้งที่ทิศกิบลัตคือเยรูซาเล็มทางทิศเหนือ คำถามมีว่าท่านจะยืนตรงจุดใดในการละหมาดดูจากแผนผังของมัสยิดหะรอม รอบอาคารกะอฺบะฮฺในมักกะฮฺ เห็นว่าเหมาะที่สุดสำหรับท่านนบีคือยืนทางด้านใต้ของอาคารกะอฺบะฮฺเพื่อสุญูดเข้าหากะอฺบะฮฺ หัวมุมของอาคารกะอฺบะฮฺบริเวณนั้นคือที่ตั้งของหินดำ (Al Hajarul Aswad) หากยืนในลานกะอฺบะฮฺ ผินหน้าไปทางมุมนั้นเพื่อให้ทิศเหนือชี้ไปทางเยรูซาเล็มจุดที่ท่านนบียืนจะมีจุดที่ตั้งของมะก่อมอิบรอฮีม (Maqam Ibrahim) อยู่ทาง 13 นาฬิกาหรือขวามือเยื้องไปทางเหนือ ด้านหลังของท่านนบีคือทางลงไปยังบ่อน้ำซัมซัม (Zamzam enclosure) กำหนดเท่านี้ก็ได้จุดกิบลัตที่ท่านนบีใช้ยืนละหมาดโดยผินหน้าไปทางเยรูซาเล็ม ดูเสมือนผินหน้าเข้าหากะอฺบะฮฺ ท่านนบีทำเช่นนี้อยู่นาน 13 ปีเมื่อท่านอพยพหรือฮิจเราะฮฺไปยังเมืองมะดีนะฮฺใน ค.ศ.622 ท่านละหมาดโดยผินหน้าไปทางเยรูซาเล็มทางทิศเหนือ หันหลังให้กับมักกะฮฺซึ่งอยู่ทางทิศใต้ ท่านผินหน้าเช่นนี้นาน 17 เดือน ท่านจึงใช้เยรูซาเล็มเป็นกิบลัตนาน 14 ปี กระทั่งถึงเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.624 หรือค่ำที่ 15 เดือนชะอฺบาน (บ้างว่าคือเดือนก่อนหน้านั้นหรือเดือนรอยับ) ขณะละหมาดซุบฮิ ท่านได้รับบัญชาระบุไว้ในอัลกุรอาน 2:144, 2:149, 2:150 ให้เปลี่ยนทิศกิบลัตจากเยรูซาเล็มไปเป็นกะอฺบะฮฺในเมืองมักกะฮฺ หมายถึงต้องกลับหลังหัน เวลานั้นท่านละหมาดอยู่ที่มัสยิดเล็กๆสร้างโดยซาวัด อิบนฺ ฆานัม หนึ่งในศอฮาบะฮฺซึ่งเป็นชาวอันศอร ปัจจุบันสถานที่นี้คือมัสยิดอัลกิบละตัย หรือมัสยิดสองกิบลัต ในเดือนนั้นเองที่โองการเรื่องการถือศีลอดได้ลงมายังท่านนบี และในเดือนรอมฎอนครั้งแรกของอิสลาม ใน ค.ศ.624 ได้เกิดสงครามครั้งแรกขึ้นคือสงครามบ่อน้ำบะดัร มุสลิมเวลานั้นด้อยกว่าด้วยกำลังพลที่มีเพียง 313 คน อาวุธที่ล้าหลังกว่า ขณะที่ทัพชาวมักกะฮฺมีมากกว่าถึงสามเท่า อีกทั้งยังเป็นเดือนรอมฎอน ทหารมุสลิมมากกว่าครึ่งในครั้งนั้นถือศีลอด ทว่ากลับได้ชัยชนะ ข้อเขียนครั้งนี้มิได้กล่าวถึงการประกาศรุกด่านราฟาของทหารอิสราเอลในพื้นที่กาซ่าที่กำหนดไว้ในวันแรกของรอมฎอน ฮ.ศ.1445 หรือในวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2567 ทว่าผมขอดุอาอฺต่ออัลลอฮฺ (ศุบฯ) ให้ชาวปาเลสไตน์ได้ปลอดภัยจากความก้าวร้าวของทหารอิสราเอลด้วยเทอญ อามีน #ดรวินัยดะห์ลัน, #drwinaidahlan, #กิบลัต, #มัสยิดอัลกิบละตัย, #นบีมุฮัมมัด