จากเชื่อมั่นการแก้ปัญหาไวรัสสู่ความเชื่อมั่นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

เศรษฐกิจจะซบหรือจะรุ่งปัจจัยสำคัญคือความเชื่อมั่น ซึ่งความเชื่อมั่นจะมาได้ ผู้เกี่ยวข้องต้องแสดงฝีมือให้เห็นโดยต้องมีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่ากันอย่างนั้น กรณีหลักฐานเชิงประจักษ์ในประเทศไทยแทนที่จะพบในดัชนีทางเศรษฐกิจกลับไปปรากฏอยู่ในรายงานทางสาธารณสุขกรณีการระบาดของไวรัสอู่ฮั่น ลองไปดูตัวเลขที่นำเสนอโดยมหาวิทยาลัยจอห์นฮ็อปกินส์ก็คงเห็น

โรคปอดจากไวรัสอู่ฮั่นระบาดไปแล้ว 30 ประเทศ คร่าชีวิตผู้ป่วยร้อยละ 2 (492 ใน 24,391) ขณะที่โรคซาส์ที่ระบาดใน ค.ศ.2002 คร่าชีวิตผู้ป่วยไปร้อยละ 9.6 โรคเมอร์สที่ระบาดใน ค.ศ.2012 คร่าชีวิตผู้ป่วยไปร้อยละ 34.4 (ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก) ไม่อยากจะบอกว่าโรคจากไวรัสอู่ฮั่นอันตรายน้อยกว่าแต่จะบอกว่าโลกในวันนี้ที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างนี้แม้การระบาดจะครอบคลุมไปไกลและกว้างขวางแต่การดูแลรักษาของแพทย์ยุคใหม่ทำได้ดีกว่า และที่ว่าดีกว่านั้นปรากฏเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าประเทศไทยทำได้ดีที่สุด

จีนรักษาผู้ป่วยให้หายได้ร้อยละ 4 (492 ใน 24,391) แต่แพทย์ไทยทำให้ผู้ป่วยหายได้ถึงร้อยละ 36 (9 ใน 25) สูงกว่าจีนถึง 9 เท่า ขณะที่ญี่ปุ่นทำได้ร้อยละ 3 (1 ใน 33) ต่ำกว่าจีนเสียด้วยซ้ำ อีกประเทศหนึ่งที่คุณภาพการรักษาค่อนข้างดีคือออสเตรเลียทำให้ผู้ป่วยหายได้ร้อยละ 15 (2 ใน 13) และเวียตนามคือร้อยละ 12.5 (1 ใน 8 ) ที่เหลือนอกนั้นร้อยละ 0 ทั้งสิ้น เห็นข้อมูลเชิงประจักษ์อย่างนี้แล้วทว่ายังไม่ยอมเชื่อมั่นหมอไทยก็พอเข้าใจได้ว่าเหตุใดเศรษฐกิจประเทศเราจึงยังไม่ฟิ้น เพราะเราไม่เชื่อมั่นกันเองนี่เอง (พยายามทำให้เกี่ยว)

ทีมเศรษฐกิจของเราจะฟื้นเศรษฐกิจได้คงต้องสร้างหลักฐานเชิงประจักษ์ให้ได้มากๆ ทำได้มากเท่าที่ประเทศอื่นทำคงไม่พอ ต้องให้ได้มากกว่านั้น ทำงานให้หนักขึ้นอย่าเพิ่งถอดใจ หมอไทยแก้ปัญหาหนักหนาอย่างโรคไวรัสอู่ฮั่นได้ คนไทยแก้ปัญหาเศรษฐกิจคงไม่ยากเกินกำลัง ถ้าภาคประชาชนเริ่มเชื่อมั่นหมอไทย ใครจะไปรู้อาจหันกลับมาเชื่อมั่นคนไทยด้วยกันกระทั่งเชื่อมั่นทีมเศรษฐกิจไทยก็เป็นได้

ไปๆมาๆไวรัสอู่ฮั่นอาจจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับคนไทยหันมาเชื่อถือคนไทยด้วยกัน ความเชื่อมั่นอย่างนั้นใครจะไปรู้อาจพลิกผันกระทั่งช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ประเทศไทย กลายเป็นจุดคานงัดที่เราไม่ทันคิดก็ได้ เรื่องแปลกๆอย่างนี้เกิดขึ้นได้เสมอ และเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ปัจจัยจึงอยู่ที่ความเชื่อมั่น วันนี้ขอมองโลกในแง่ดีอีกสักรอบ คงไม่ว่ากัน #drwinaidahlan#ดรวินัยดะห์ลัน#ไวรัสอู่ฮั่น#แก้ปัญหาเศรษฐกิจ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *