“เมาลิด” เรียกกันเต็มๆว่า “เมาลิดินนะบี” คือพิธีฉลองวันเกิดท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลฯ มุสลิมทั่วโลกจัดฉลองกันเป็นปกติ วันเกิดจริงของท่านนบี นักวิชาการสายซุนนีกำหนดว่าคือวันที่ 12 เดือนรอบีอุลเอาวัล หรือเดือนที่สามตามปฏิทินอิสลาม ขณะที่นักวิชาการสายชีอะอฺระบุว่าเป็นวันที่ 17 รอบีอุลเอาวัล แต่จะเป็นวันไหน ชุมชนมุสลิมทั่วไปมักถือเอาฤกษ์สะดวกเข้าว่า โดยจัดไม่ตรงวัน เป็นการจัดเพื่อยกย่องให้เกียรติท่านนบี ว่ากันอย่างนั้น
วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2567 มัสยิดยะวา ซอยโรงน้ำแข็ง ถนนเจริญราษฎร์ เขตสาทร กรุงเทพฯ จัดงานเมาลิดขึ้น มีการมอบทุนเด็กกำพร้าและกิจกรรมอื่นๆควบคู่ไปด้วย ผมได้รับเชิญให้กล่าวโอวาทในฐานะสัปปุรุษเก่าแก่ของมัสยิด ก็นับว่าเก่าแก่จริงๆเนื่องจากผมเกิดในชุมชนมัสยิดแห่งนี้ตั้งแต่ครั้งชุมชนเก่าที่คนโดยรอบมัสยิดยังพูดภาษายะหวาจากเกาะชวากลาง คนยะหวายุคเก่าในชุมชนนี้ส่วนใหญ่อพยพมาจากเมืองเกนดัล ยกเว้นบรรพบุรุษครอบครัวผมซึ่งมาจากเมืองเรมบัง ทั้งเกนดัลและเรมบังตั้งอยู่ใกล้เมืองเซอมารัง เมืองหลวงของชวากลาง
เมื่อกล่าวถึงงานเมาลิด ผมเองเคยเป็นประธานจัดงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทยสามครั้งคือ พ.ศ.2558, 2559, 2560 เคยเขียนหนังสือรำลึกถึงท่านนบีไว้สามเล่ม ผมเห็นว่าหากจะกล่าวสรรเสริญท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลฯ ในฐานะมุสลิมกล่าวยกย่องท่านนบีอาจไม่กินใจนัก ผมจึงยกบุคคลระดับโลกสามคนที่มิใช่มุสลิมที่เคยเขียนหนังสือยกย่องท่านนบีไว้ บุคคลแรกคือ Michael H.Hart ชาวอเมริกันเชื้อสายยิว ซึ่งเขียนหนังสือไว้ใน ค.ศ.1978 ชื่อ “The 100: A Ranking of the Most Influential Persons in History” กล่าวถึง 100 บุคคลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก Hart ยกนบีมุฮัมมัด ศ็อลฯ ว่าคือหมายเลขที่ 1 แซงหน้าบุคคลสำคัญในโลกทุกคน
มีคนถามว่าเหตุใดจึงเลือกท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลฯ Hart ตอบว่าในบรรดาบุคคลผู้ทรงอิทธิพลในโลก ท่านนบีมุฮัมมัดถือว่าครบเครื่องที่สุด เป็นทั้งนักการศาสนา นักการเมือง นักปกครอง นักรบ เป็นบิดา สามี เป็นทุกอย่างที่มนุษย์คนหนึ่งสามารถเป็นได้ ทั้งเป็นได้อย่างน่ายกย่อง คนที่สองคือ Prof.Arthur J.Arburry ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ดของอังกฤษ เป็นชาวคริสต์ เขียนหนังสือชื่อ “Al Quran Interpreted” ไว้ใน ค.ศ.1955 โดยเขียนไว้ว่าในบรรดามนุษย์ที่ถือกำเนิดขึ้นในโลกนับจากอดีตที่คาดว่ามี 117,000 ล้านคน บุคคลที่สร้างการเปลี่ยนแปลงในโลกทางด้านบวกมากที่สุดคือท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลฯ คนที่สามคือ Prof.John Adair ชาวอังกฤษนับถือคริสต์ เขียนหนังสือชื่อ “The Leadership of Muhammad” ตีพิมพ์ใน ค.ศ.1973 ท่านเขียนไว้บนหน้าปกอ้างถึงคำกล่าวของท่านนบีที่ว่า “ผู้นำคือผู้รับใช้ชุมชน” การสรรเสริญท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลฯ ที่ดีที่สุดควรเป็นการปฏิบัติตนตามแนวทางที่ท่านนบีเคยปฏิบัติไว้ นั่นคือการทำงานรับใช้ชุมชนและสังคม ผมสรุปไว้อย่างนั้น
#ดรวินัยดะห์ลัน, #drwinaidahlan, #เมาลิดนบี, #มัสยิดยะวา,

