การปฏิสนธิของทารกที่ปรากฏในอัลกุรอาน

นพ.วิดญา เพอร์ซาอุด (T. Vidhya N.Persaud) ศาสตราจารย์ด้านกายวิภาคศาสตร์ มหาวิทยาลัยมานิโทบา แคนาดา กล่าวถึงนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม (ศ็อลฯ) ไว้ในหนังสือ “This is the Truth” ตีพิมพ์ใน ค.ศ.1998 ไว้น่าสนใจว่า เนื้อหาในคัมภีร์อัลกุรอ่านประมาณ 750 วรรคจากทั้งหมด 6,236 วรรค หรือร้อยละ 12 เป็นเรื่องราวที่ผู้รู้ทุกฝ่ายยอมรับว่าเกี่ยวข้องกับศาสตร์ด้านวิทยาศาสตร์ โดยหลายส่วนเป็นวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยไม่มีส่วนใดเพี้ยนไปจากความรู้ในยุคใหม่ ทั้ง ๆ ที่ทุกประโยคในอัลกุรอานผ่านมาทางท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลฯ) บุคคลที่ไม่เคยมีความรู้ด้านการอ่านและการเขียนหนังสือมาก่อนเลย

เพอร์ซาอุดระบุว่านี่คือความมหัศจรรย์ของอิสลาม ทั้งยกหนึ่งในเหตุการณ์ด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ปรากฏในอัลกุรอานขึ้นมาเป็นตัวอย่าง เหตุการณ์ที่ว่านั้นปรากฏอยู่ในบทที่ 23 อัลมุอฺมินูน วรรคที่ 12-14 ของอัลกุรอาน หากวิเคราะห์กันทีละคำทีละประโยค โดยยึดหลักการที่ว่าถ้อยความในอัลกุรอานมีลักษณะเป็นอุปมาอุปมัย ยากที่จะเข้าใจความหมายที่แท้จริง สิ่งที่พบเฉพาะในวรรคที่ 12-13 บทที่ 23 ดูจากคำแปลในภาษาต่าง ๆ รวมทั้งภาษาไทยอาจเข้าใจคลาดเคลื่อนไปได้เนื่องจากคำแปลอาจไม่ตรงตามความหมายนัก

وَلَقَدۡ خَلَقۡنَا الۡاِنۡسَانَ مِنۡ سُلٰلَةٍ مِّنۡ طِيۡنٍ‏ (12) ثُمَّ جَعَلۡنٰهُ نُطۡفَةً فِىۡ قَرَارٍ مَّكِيۡنٍ‏ (13)

“และขอสาบานว่า แน่นอนเรา (อัลลอฮฺ) ได้สร้างมนุษย์จากธาตุแท้ของดิน แล้วเราทำให้เขาเป็นเชื้ออสุจิอยู่ในที่พักอันมั่นคง” อัลมุอฺมิน 23:12

ในสองวรรคนี้ คำว่าธาตุแท้ของดินตามที่แปลในภาษาไทย นักวิชาการด้านภาษาอาหรับระบุไว้ในหนังสือ “Embryology in The Qur’an: A Scientific-Linguistic Analysis of Chapter 23 with Responses to Historical, Scientific & Popular Contentions” ซึ่งสามารถค้นหารายละเอียดของความหมายได้ใน https://www.kalamullah .com/Books/Embryology_in_the_Quran_v1.1.pdf

คำว่า Chapter 23 คือบทหรือซูเราะฮฺที่ 23 อัลมุอฺมินูนนั่นเอง ในวรรคที่ 12 ของซูเราะฮฺปรากฏคำว่า “ซุลาละฮฺ” หมายถึงแร่ธาตุต่าง ๆ ที่สกัดออกมา ส่วนคำว่า “ฏิน” หมายถึงดินเปียกหรือโคลน โดยในวรรค 12 มิได้หมายความว่าการสร้างมนุษย์นั้นเป็นการนำดินหรือโคลนมาปั้น ทว่าหมายถึงแร่ธาตุจำเป็นต่อการสร้างชีวิตนั้นพบได้ในดินโคลน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์พบว่าแร่ธาตุที่เป็นองค์ประกอบของร่างกายมนุษย์ อันได้แก่ อ็อกซิเจน คาร์บอน ไฮโดรเจน ไนโตรเจน แคลเซียม ฟอสฟอรัส โปตัสเซียม ซัลเฟอร์ คลอรีน โซเดียม แมกนีเซียม ซิลิกอน ล้วนพบได้ในดินซึ่งสอดคล้องกับวรรคที่ 12 ขณะที่คำว่า “นุฏฟะฮฺ” ในวรรคที่ 13 ที่ให้ความหมายกันว่า “อสุจิ” นั้นท่านนบีมุฮัมมัดให้ความหมายไว้ว่าหมายถึง “ส่วนผสมของของเหลวจากฝ่ายชายและฝ่ายหญิง (อ้างใน Musnad Ahmad, volume 1, page 465) คำ ๆ นี้จึงมิได้หมายถึงอสุจิเพียงอย่างเดียว การแปลอัลกุรอานจำเป็นจึงต้องเข้าใจให้ลึกซึ้งถึงรากภาษาอาหรับ เพอร์ซาอุดสรุปไว้อย่างนั้น

#ดรวินัยดะห์ลัน, #drwinaidahlan, #humanembryoinalquran

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *